ญาณกร อภิราชกมล ชายคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของมิวสิคเฟสติวัลชื่อดังที่จัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน อาทิ Samed in Love และ Season of Love Song ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง คุณญาณกร อภิราชกมล Managing Director บริษัท ครีเอท อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด
“ผมเริ่มต้นธุรกิจแรกตอนเรียนปริญญาโทครับ เปิดบริษัทเพื่อทำนิตยสารขึ้นมาหนึ่งหัว ตอนนั้นทำด้วยความอยาก สรุปว่าหมดไปเป็นล้านและไม่มีเงินทุนมาทำให้ต่อเนื่อง เมื่อเงินทุนหมดก็เลยไปทำงานด้านกราฟิกดีไซน์จากนั้นจึงมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชวนให้มาทำงานอีเว้นท์ให้เขา เป็นงานของสมาคมมวยไทยสมัครเล่น ทำไปทำมาเลยขยับขยายทำด้านนี้มาเรื่อยๆ จนตอนนี้ก็ทำด้านนี้มาเป็นสิบปีแล้วครับ”
“จุดเริ่มต้นในการจัดงานคอนเสิร์ตต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วง 8-9 ปีที่แล้ว มิวสิคเฟสติวัลเพิ่งเริ่มเข้ามาในเมืองไทย ตอนนั้นผมก็ไปในฐานะผู้ชมคนหนึ่ง ก็ไปหลายๆ งาน สังเกตดูว่าทำไมส่วนใหญ่ถึงจัดกันเพียงไม่กี่ที่ มีเขาใหญ่ หัวหิน ชะอำ ก็เลยทำให้เราอยากจัดคอนเสิร์ตในสถานที่ใหม่ๆ ดูบ้าง ก็เลยจัดคอนเสิร์ต Samed in Love ขึ้นมา ครั้งแรกใช้เวลาเตรียมงานถึงสองปี ต้องทำความเข้าใจกับคนบนเกาะเยอะมาก เพราะตอนแรกเขาไม่เข้าใจหรอกว่าเราจะมาทำอะไร พอทำครั้งแรกประสบความสำเร็จ ก็ยาวมาเรื่อย จนตอนนี้เป็นปีที่ 6 แล้วครับ”
“อะไรที่เป็นครั้งแรกมันยากเสมอครับ ครั้งแรกเราก็จัดงานเทศกาลดนตรีเลย และเป็นงานที่จัดบนเกาะจริงๆการเดินทางหรือขนส่งค่อนข้างลำบากกว่าที่อื่นๆ อุปสรรคในปีแรกเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะเราเป็นเจ้าใหม่ คนยังไม่เชื่อมั่น อุปสรรคเยอะครับ สปอนเซอร์ก็หายาก การอำนวยความสะดวกบนเกาะก็ค่อนข้างจำกัด เราต้องดำเนินการหลายฝ่ายมาก เช่น ติดต่อเรือให้วิ่งรับคนทั้งคืน ความปลอดภัยของผู้ชม เพราะจัดบนเกาะกลางทะเล การทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการบนเกาะ อาทิ โรงแรมหรือร้านรวงต่างๆ เพราะที่เกาะไม่ใช่สถานที่เอกชนรายใดรายหนึ่ง เราอาจไปรบกวนเขาได้ สองครั้งแรกเราจัดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งยังอยู่ในช่วง High Season ของเกาะเสม็ดอยู่ ต่อมาเลยขยับมาช่วงปลายฤดูร้อนก่อนเข้าหน้าฝน เพราะจะได้ไม่กระทบกระเทือนกับผู้ประกอบการ ทำให้เกิดการกระจายรายได้ด้วย เพราะคนจะเยอะในช่วงที่จัดงาน”
“หน้าที่หลักๆ ของผมคือบริหารงานของบริษัทครับ แต่จะมีพาร์ทเนอร์อีกคนหนึ่งเป็นคนหาลูกค้า นอกจากนั้นก็เป็นพนักงานในบริษัทดูแลในส่วนต่างๆ ครับ ในคอนเสิร์ตใหญ่ๆ หรือมิวสิคเฟสติวัล รายได้หลักจะมาจากสปอนเซอร์และตั๋วคอนเสิร์ตครับ นอกจากนั้นจะเป็นรายได้จากของที่ขายในงาน สินค้าที่ระลึกต่างๆ อย่าง Samed in Love จะมีผู้ชมประมาณหมื่นห้าพันคน แต่ถ้าที่สวนผึ้ง อย่าง Season of Love Song จะอยู่ที่ประมาณสามหมื่นคน”
การจัดงานอีเว้นท์หรือคอนเสิร์ตใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย มีปัจจัยมากมายที่ส่งผลถึงความสำเร็จ แม้จะผ่านการทำงานมามากมาย ก็ยังต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคเสมอ ประสบการณ์เท่านั้นที่จะเคี่ยวกรำให้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางในอนาคต
“ปัญหามีบ่อยครับ อย่างคอนเสิร์ตต่างประเทศครั้งหนึ่งเราเคยวางแพลนใหญ่มาก เป็นศิลปินเกาหลีหลายๆ วง เมื่อประมาณสามปีก่อน ลงทุนไปแล้วบางส่วน ทำสัญญากับศิลปินเรียบร้อย เตรียมงานล่วงหน้าแล้ว แถลงข่าวเรียบร้อยแล้ว แต่ดันมีปัญหาเรื่องตัวศิลปินบางวงเลยทำให้ต้องยกเลิกงานไป เป็นบทเรียนใหญ่เลยครับ พอผ่านปัญหามาได้ก็ทำให้เราปรับตัวได้ดีขึ้น เตรียมตัวรับมือได้มากขึ้น อย่างศิลปินระดับโลกเราก็มีวางแผนจะนำเข้ามาจัดอยู่ แต่ต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ครับ อย่างช่วงปลายปีที่ผ่านมาคอนเสิร์ตเยอะมากครับ โดยเฉพาะเทศกาลดนตรี แต่มีไม่กี่งานที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ครับ เวลาที่จัดก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากเช่นกัน”
“การจัดเทศกาลดนตรีขึ้นมาในแต่ละครั้ง ไม่ใช่แค่ว่ามีสถานที่จัดงาน มีเวที มีรายชื่อศิลปินที่มาแสดง แล้วบอกว่าเป็น ‘Music Festival’ ได้ มันต้องมีคอนเส็ปต์งานสิ่งสำคัญคือเรื่องของการดูแลผู้ชมที่เข้ามาร่วมในงานของเราให้ดี เพราะเขามาอยู่กับเราทั้งวัน ต้องดูเรื่องการเดินทาง อาหาร ที่พัก ความปลอดภัย การอำนวยความสะดวกต่างๆ ยกตัวอย่างงานเสม็ดอินเลิฟ ที่พักในพื้นที่อาจรองรับได้ไม่หมด เราเลยต้องประชาสัมพันธ์เรื่องที่พักไม่ใช่แค่บนเกาะแล้ว ต้องดูว่ามีที่ไหนรองรับได้อีกบ้าง”
“ธุรกิจนี้ตัวแปรค่อนข้างเยอะมากครับ เพราะต้องเน้นเรื่องการคาดคะเน เพราะเรายังไม่รู้ว่าก่อนที่คอนเสิร์ตจะจัดขึ้นจะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างปีที่เกิดน้ำท่วมก็ต้องเลื่อนกะทันหัน หรือเหตุบ้านการเมือง ฟ้าฝนหรือพฤติกรรมผู้บริโภค ทุกอย่างเป็นการแพลนล่วงหน้า ทุกอย่างส่งผลหากประเมินพลาดครับ สปอนเซอร์ก็มีส่วนสำคัญมากครับศิลปินก็มีส่วนครับ เพราะศิลปินไทยระดับที่ดึงคนดูมามิวสิคเฟสติวัลก็มีจำนวนจำกัด หลายๆ งานก็ต้องมีศิลปินชนกันอยู่แล้ว ต้องดูที่สถานที่หรือธีมงานด้วยครับ”
“ในยุคนี้สื่อออนไลน์ โซเชี่ยลต่างๆ ช่วยได้เยอะมากครับนอกจากเรื่องการประชาสัมพันธ์แล้วยังได้ฟีดแบคตอบกลับโดยตรงด้วย เข้าถึงได้โดยตรง เช็คเรตติ้งได้ด้วย มีหลายครั้งที่ผมเข้าไปตอบคนที่เข้ามาถามในเฟสบุ๊คเพจของคอนเสิร์ตมันเข้าถึงคนได้จริงๆครับ”
“งานด้านคอนเสิร์ตจริงๆ แล้วเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของงานในบริษัทด้วยซ้ำครับ เพราะเรามีงานด้านอื่นด้วย เช่น จัดอีเว้นท์ Road Show งานประชาสัมพันธ์ ดูเคมเปญให้ภาครัฐ จะคล้ายเอเจนซี่ครับ คือเราทำด้านนี้มาเกือบสิบปีครับ เมื่อก่อนเราใช้ชื่อบริษัทว่า Boost Plus เพิ่งมาเปลี่ยนเป็น CREATE INTELLIGENCE ได้เกือบปีนี่เอง อย่างล่าสุดเรามาจับงานด้านดิจิตอล ซึ่งน่าจะเปิดตัวในช่วงกลางปีนี้ครับ”
Know Him
เขาเริ่มต้นทำธุรกิจครั้งแรก ตอนอายุ 23 ปีเริ่มจากทำนิตยสารชื่อว่า The Town ออกมาเพียงหนึ่งฉบับเท่านั้น
Samed In Love ครั้งแรก จัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 53
credit : http://www.mixmagazine.in.th/view.php?contentid=00001656